5.23.2010

case study with autism no.1


ผู้เข้าร่วมการบำบัดแบบเดี่ยว
เด็กชายเชื้อสายอัฟริกันผู้อาศัยอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ไม่สามารถสื่อสารด้วยภาษา อายุสิบสามปี มีอาการของออทิสติก

ห้องบำบัด - ห้องใต้หลังคาของอาคารแบบอังกฤษ พื้นปูพรม ผนังห้องสึดำเพราะเป็นห้องที่ใช้ในชั่วโมงละครด้วย แต่ว่ามีหน้าต่างบานใหญ่มากบนผนังด้านหนึ่งให้แสงธรรมชาติที่เพียงพอ ในห้องมีอุปกรณ์การละครที่สามารถหยิบยืมมาใช้ได้และมีผ้าห่มผืนหนาใหญ่ไว้ให้เล่น

กระบวนการ
สามสัปดาห์แรกดาวใช้เวลานั่งข้างผ้าห่มผืนหนาหนักที่ผู้เข้ารับการบำบัดเอาแต่มุดอยู่ข้างใต้เพราะความแปลกหน้า ไม่ไว้ใจ กลัว สงสัย กังวล และต่างๆนานา วัตถุประสงค์ในการมาเจอกันของเราทั้งสองถูกเน้นย้ำและอธิบายผ่านผ้าห่ม ชื่อ วิชาชีพ และเจตนาของเราถูกส่งผ่านทางเสียงที่อ่อนโยน ตลอดชั่วโมงของการบำบัด เสียงและภาษาพูดทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถของมัน แต่สิ่งที่ทำให้คนไข้อายุสิบสามปีคนนี้เริ่มเผยใบหน้าและความสนใจมาบ้าง ก็คือการไม่เคยไปไหน

ถึงแม้ว่าเขาจะสื่อสารอย่างชัดเจนว่าต้องการจะปกป้องตัวเองจากสิ่งที่ไม่ไว้ใจด้วยการคลุมผ้ายาวนานเท่าไหร่ แต่การเคารพในสิ่งที่เขารู้สึกด้วยการไม่ดึงดันขึงขันให้เขาออกมาจากผ้าเพื่อมาร่วมกระบวนการนั้นกลับก่อให้เกิดความเชื่อมั่นและไว้ใจว่าเรานั้นมาที่นี่ 'เพื่อเขา' จริงๆ และการกระทำที่ได้เกิดขึ้น นักบำบัดที่นั่งคุยผ่านกองผ้า ก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการไปเรียบร้อยแล้ว

และแล้ววันหนึ่ง เขาก็เริ่มยื่นมือมาหา.... เมื่อเขาพร้อม

และเมื่อนั้นเราเริ่มมีเพลงมาในกระบวนการ และผ้าห่มก็เป็นเพียงแค่ที่รองนั่งของเราสองคนเพื่อที่จะเตรียมตัวก่อนเริ่มเต้น

'รูทีน'หรือ 'กิจวัตรประจำ' คือสิ่งที่ทำให้คนเราเกิดความรู้สึกปลอดภัย มั่นใจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กที่มีอาการของออทิสติกนั้นยิ่งสำคัญ ดังนั้นเราจึงเริ่มชั่วโมงบำบัดด้วยการมาที่ผ้าห่มแล้วก็ไปที่หน้าวิทยุที่มีแผ่นซีดีเพลงที่เตรียมไว้ คนไข้คนนี้ก็มักจะยืนเต้นหน้าวิทยุอย่างเต็มแรง ใช้การเคลื่อนไหวที่เร็ว ถี่ ทำซ้ำ หนักหน่วง จนบางครั้งจะเห็นว่ามีอาการอ่อนล้าแต่ว่าไม่สามารถจะหยุดหรือไปทำอย่างอื่นได้ เราจึงเริ่มที่จะเสนอตัวให้เขามาเคลื่อนไหวกับเรามากกว่าที่จะเต้นอยู่กับหน้าปัดดิจิติลของวิทยุ แต่เมื่อนั้น..เมื่อที่เขามามีปฏิสัมพันธ์กับเราในฐานะมนุษย์ผู้หนึ่ง สายตาที่จ้องล็อคมาที่ตาเรา วิธีการเคลื่อนไหวที่ความสนใจมาอยู่ที่เราทั้งหมด ทำให้เราในฐานะนักบำบัดรู้สึกว่าเขาเอาใจและตัวเขามาที่การเคลื่อนไหวของเรา และการเดินเข้ามาใกล้เรามากเกินไปทำให้เกิดปัญหาใหม่..

การรู้ระยะขอบเขตว่าพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองคือที่ไหน และพื้นที่ของผู้อื่นอยู่ตรงไหนคือสิ่งที่เด็กที่มีอาการออทิสติกมักไม่เคยได้ทำความรู้จัก ขอบเขตของตนเอง(boundary)สิ้นสุดที่ตรงไหน อะไรเรียกว่าเรา อะไรเรียกว่าเขา นั้นเป็นไอเดียที่ยังไม่รับการลงทะเบียนไปในชีวิต สำหรับคนไข้คนนี้ เรามีThemeในการทำงานร่วมกันในทันทีนั่นก็คือ ขอบเขตของระยะ

เราเลือกใช้เกมส์ stop and go มาในกระบวนการเพื่อฝึกการรู้จักระยะที่เหมาะสมเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เราเปิดเพลงแล้วให้เขาเต้นหรือวิ่งเล่นไปเรื่อยๆ เมื่อเขาวิ่งปรี่เข้ามาใกล้ พอถึงระยะที่เราคิดว่าน่าจะสมควรเพียงพอที่จะหยุดเราก็พูดเสียงดังชัดเจนว่า 'หยุด'และปิดเพลง ทิ้งระยะสักครู่ แล้วเปิดเพลงต่อ เพื่อให้เขาเต้นอย่างอิสระต่อไป และเมื่อเขาจะเข้ามาใกล้อีกก็ทำเช่นเดิม และเนื่องจากเรามีกฎทางการบำบัดว่าเราจะไม่มีการออกจากห้องก่อนจบการบำบัด เมื่อเขาวิ่งเล่นแล้วทำท่าจะเปิดประตูหนีเราออกไปนอกห้องเราก็ใช้เสียงคำว่า 'หยุด' พร้อมกับการหยุดเพลงเพื่อเป็นการสื่อสารว่านั่นคือระยะที่พอแล้วที่จะอยู่ไกลกันที่สุดในห้องนี้ เขาจะไม่ทันได้คิดว่าเรากำลังปลูกฝังการอยู่ในความสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างเหมาะสมในขอบเขตทางสังคมเนื่องจากว่าเขาได้เมามันส์กับกติกาที่เราตกลงร่วมกันไว้ แต่ไม่ต้องห่วงเลยว่าเขาจะไม่ได้ประโยชน์ เพราะตราบใดที่ร่างกายของเขาทำซ้ำนั้น มันจะซึมอยู่อย่างนั้นนานเท่านาน ยิ่งเวลาที่เขารู้สึกปลอดภัยอยู่ในพื้นที่ที่ไว้ใจแล้วด้วยละก็ เขาจะเรียนรู้จดจำมันได้อย่างยาวนานและลึกซึม

เกมส์นี้สามารถใช้ได้ดีเช่นกันกับเด็กหลายคนที่ไม่สามารถที่จะรับมือกับภาวะอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ภายใน เราใช้เกมส์นี้กับคนไข้เด็กที่มีปัญหาทางด้านการเรียนรู้ในโรงเรียนประถมและก็ได้ผลดีในเรื่องของการอดทนอดกลั้น ไม่วิ่งสะวี้ดสะว้าด พลุ่งพล่านเวลาตื่นเต้นหรือกังวล

มีข้อพึงระวังเวลาใช้กับเด็กที่มีอาการออทิสติกก็คือ การพูดอะไรก็ตามต้อง ดัง ชัด ตรง สั้น และลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็น บางครั้งคนภายนอกฟังอาจจะรู้สึกว่าไม่มีมารยาทที่พูดจาห้วน แต่นี่คือสิ่งที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามเราต้องพูดดัง ตรง สั้น กระชับ แต่ว่าโอบอ้อม ไม่ก้าวร้าวแข็งกร้าว และนั่นคือสิ่งที่ยากแต่สำคัญในการสื่อสาร

มีอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยในการเรียนรู้ระยะในความสัมพันธ์ นั่นคือเรื่องของอุปกรณ์ประกอบหรือ props จะเขียนเพิ่มเติมวันหน้าค่ะ

No comments:

Post a Comment